top of page
YOLO

กิมจิอาจหายไป! หากโลกร้อนขึ้น


กิมจิ

“กิมจิ” อาหารชื่อดังและอาหารประจำชาติของประเทศเกาหลีใต้ อาจหายไป! เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้คุณภาพของ “ผักกาด” ที่ใช้ในการทำกิมจิลดลง รวมถึงปริมาณของผลผลิตก็ลดน้อยลง


ผักกาดขาวเป็นพืชที่เก่าแก่ มีมานานมากกว่า 6,000 ปี เจริญเติบโตได้ดีได้ช่วงฤดูหนาว หรือที่ที่มีสภาพอากาศเย็น ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส หรือแม้แต่ในฤดูร้อนก็มีอุณหภูมิ 18 - 21 องศาเซลเซียส มักปลูกในพื้นที่ภูเขา


แต่ในปัจจุบันอุณหภูมิของโลกนั้นสูงขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นกำลังคุกคามพืชผลเหล่านี้อย่างมาก และหากอุณหภูมิยังเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตเกาหลีใต้อาจจะไม่สามารถปลูกผักได้เลย เนื่องจากอากาศร้อนจัด 


อี ยองกู  นักพยาธิวิทยาพืชและนักไวรัสวิทยากล่าวว่า “เราได้แต่หวังว่าการคาดการณ์เหล่านี้จะไม่เป็นจริง เพราะนอกจากผักกาดจะชอบอากาศเย็นแล้ว ผักเหล่านี้ยังปรับตัวเข้ากับช่วงอุณหภูมิที่ต่ำมาก”


แต่นอกจากผักกาดขาวแล้ว ผักชนิดอื่นก็สามารถทำกิมจิได้ เช่น หัวไชเท้า แตงกวา กะหล่ำปลี ต้นหอม และมะละกอ เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรกิมจิจากผักกาดขาวก็ยังเป็นเมนูยอดนิยม 


อี ฮายอน ผู้เชี่ยวชาญด้านกิมจิจากกระทรวงเกษตร ได้กล่าวถึงผลกระทบของอุณหภูมิที่สูงขึ้นและกระทบต่อผักกาดขาวไว้ว่า “ผักกาดขาวจะเน่าเสีย และรากของมันก็จะเละ...หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ในช่วงฤดูร้อน เราอาจต้องเลิกทานกิมจิผักกาดขาว”  


จากข้อมูลของหน่วยงานสถิติของรัฐบาลแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ปลูกผักกาดบนที่สูงในปี 2023 มีพื้นที่เพียง 24,968 ไร่ ซึ่งลดลงเกินครึ่งจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่มีพื้นที่ 54,975 ไร่ 


ตามข้อมูลของสำนักงานพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยด้านการเกษตรของรัฐ ได้มีการคาดเดาว่า จากสถานการณ์กาเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปัจจุบันและในอนาคตที่อาจรุนแรงเพิ่มขึ้นนี้จะทำให้พื้นที่เพาะปลูกลดลงอย่างมากในอีก 25 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเหลือพื้นที่ในการปลูกผักกาดเพียงแค่ 275 ไร่ และในภายในปี 2029 จะไม่มีการปลูกผักกาดขาวในพื้นที่สูงเลย 


ทางด้านนักวิจัยระบุไว้ว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น ฝนตกหนักที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และแมลงศัตรูพืชที่ควบคุมได้ยากขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่อบอุ่นและยาวนานขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้พืชผลลดลง และการติดเชื้อราในพืชยังเป็นเรื่องที่น่าหนักใจและสร้างปัญหาให้กับเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเชื้อราในรากนั้นจะเห็นก้ต่อเมื่อช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเท่านั้น



อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมกิมจิของเกาหลีใต้อีกด้วยเพราะต้องสู้กับการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเสิร์ฟในร้านอาหาร โดยข้อมูลจากศุลกากรเกาหลีแสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม เกาหลีใต้นำเข้ากิมจิเพิ่มขึ้น 6.9% รวมเป็นมูลค่า 98.5 ล้านดอลล่าห์ หรือ 3,429,277,500 บาทไทย โดยกิมจิเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ 


แต่การนำเข้ากิมจิจากจีนนั้นถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะ “กิมจิ” ที่เป็นอาหารประจำชาติเกาหลีใต้ จึงทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันทางวัฒนธรรมในวงกว้าง และหลายครั้งที่ผู้คนถามหาที่มาของกิมจิที่พวกเขาบริโภค


เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และผลผลิตที่ลดน้อยลง ทำให้การปลูกผักกาดอาจไม่ได้กำไรมากหรือถึงขั้นขาดทุน ทำให้เกษตรกรหลายคนหันมาปลูกแอปเปิลแทน


ขณะนี้ทางรัฐบาลเกาหลีได้มีการพยายามเก็บรักษากิมจิและผักในพื้นที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อป้องกันราคาพุ่งสูงและเกิดปัญหาการขาดแคลน ส่วนนักวิทยาศาสตร์ก็ยังเร่งพัฒนาพันธุ์พืชให้สามารถเติบโตได้ในภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น และทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝนและการติดเชื้อได้ดียิ่งกว่าเดิม


คิม ซี-กาป วัย 71 ปี เกษตรกรรายหนึ่งที่ทำงานอยู่ในทุ่งผักกาดขาวในเขตทางตะวันออกของเทศบาลคังนึง มาตลอดชีวิต หวั่นว่าพันธุ์ผักกาดขาวเหล่านี้จะมีราคาที่แพงขึ้น และรสชาติก็ไม่ค่อยดี และเขายังได้กล่าวด้วยว่า “เมื่อเราได้เห็นรายงานว่าจะมีช่วงเวลาหนึ่งในเกาหลีที่เราไม่สามารถปลูกผักกาดขาวได้อีกต่อไป มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจในขณะเดียวกันก็น่าเศร้า กิมจิเป็นอาหารที่จะไม่มีบนโต๊ะอาหารไม่ได้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เราจะทำอย่างไร


ที่มา

1 view

Comments


bottom of page