ต้นไม้ 1 ใน 3 ทั่วโลกเสี่ยงสูญพันธุ์ เหตุเกิดจากโลกร้อนและการตัดไม้ทำลายป่า
ในระบบนิเวศนั้น “ต้นไม้” มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ช่วยให้ร่มเงา ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังมีบทบาทในการลดภาวะโลกร้อน หากโลกนี้ไม่มีต้นไม้แน่นอนว่าผลกระทบมากมายมหาศาลมาเยือนโลกเราในเร็ววันแน่ แต่ตอนนี้ต้นไม้ 1 ใน 3 ของโลกเสี่ยงสูญพันธุ์
รายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้ประเมินพันธุ์ไม้ทั่วโลกโดยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,000 คน และใช้เวลานานกว่า 10 ปี โดยพันธุ์ไม้ที่ใช้ในการประเมินมีมากกว่า 47,000 สายพันธุ์จากทั้งหมด 58,000 สายพันธุ์ ที่คาดว่ามีทั่วโลก ซึ่งสายพันธุ์ของต้นไม้ที่เสี่ยงสูญพันธุ์นั้นมีมากกว่าจำนวนสายพันธุ์ของนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่ถูกคุกคามทั้งหมดรวมกันถึง 2 เท่า
ต้นไม้ที่ถูกโค่นหรือถูกตัด เพื่อถางป่าสำหรับการทำเกษตรกรรมและขยายพื้นที่อาศัยของมนุษย์ สายพันธ์พืชที่มากกว่า 5,000 สายพันธ์อยู่ในบัญชีแดงของ IUCN สายพันธุ์เหล่านี้ถูกนำไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง และอีกประมาณ 2,000 สายพันธุ์ถูกนำไปใช้ทำยา อาหาร และเชื้อเพลิง
ทางด้าน “เอมิลี บีช” หัวหน้าฝ่ายกำหนดลำดับความสำคัญของการอนุรักษ์จาก องค์กรอนุรักษ์สวนพฤกษศาสตร์นานาชาติ (BGCI) กล่าวว่า “เกาลัดม้าและแปะก๊วยถูกจัดรวมอยู่ในพืชที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากการใช้ทางการแพทย์ เช่นเดียวกับต้นแอช แมกโนเลีย มะฮอกกานีใบใหญ่ และยูคาลิปตัสอีกหลายสายพันธุ์ ที่ถูกนำไปใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ก็ถูกจัดอยู่ในพืชใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน” ในตอนนี้พืชที่เสี่ยงสูญพันธุ์นั้นได้กระจายตัวอยู่ใน 192 ประเทศ และพืชที่เสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุดกลับอยู่ในหมู่เกาะ เนื่องจากมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว
“ดร. เดฟ โฮล” รองประธานฝ่ายวิธีแก้ปัญหาระดับโลกของศูนย์วิทยาศาสตร์ Conservation International กล่าวว่า “หากไม่มีระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งรวมไปถึงประชากรต้นไม้ที่มีสุขภาพดีและหลากหลาย โลกจะเผชิญกับภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่ร้ายแรงยิ่งกว่าที่เราเผชิญอยู่”
การที่ต้นไม้มีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ นั้นถือเป็นข่าวร้ายอย่างมาก เนื่องจากต้นไม้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้นไม้สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตจำนวนมากไว้ทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ มนุษย์ แมลง พืชต้นอื่น ๆ เชื้อรา และจุลินทรย์อีกนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ต้นไม้ยังมีส่วนสำคัญในวัฏจักรคาร์บอน น้ำ และการแลกเปลี่ยนสารอาหารให้กับดิน หากวันหนึ่งต้นไม้ถูกโค่นหรือถูกตัดเป็นจำนวนมาก ๆ ผลกระทบที่จะตามมาอาจรุนแรงจนเราคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
โดยในปี ค.ศ.2021 ผู้นำระดับโลกซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่ป่าไม้มากกว่า 85% ของโลกได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะยุติการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2030 แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว พื้นที่ป่าไม้ทั่วโลก 6.3 ล้านเฮกเตอร์ หรือราว ๆ 40 ล้านไร่ สูญหายไปอย่างถาวร
“ขณะนี้เราผ่านทศวรรษนี้มาได้หนึ่งในสามแล้ว และเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว เราแทบจะไม่สามารถหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่าได้เลย”
“ฌอง-คริสตอฟ เวีย” ผู้อำนวยการทั่วไปของมูลนิธิ Franklinia ซึ่งให้ทุนสนับสนุนการประเมินต้นไม้ทั่วโลก กล่าวว่า “ต้นไม้ถือเป็นวิธีแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ง่ายดาย และต้นไม้ถูกปลูกไว้ทั่วทุกแห่ง แต่การปลูกป่าทดแทนต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยต้องกระจายพันธุ์ไม้และรวมพันธุ์ไม้ที่ถูกคุกคามไว้ในโครงการปลูกต้นไม้ ทุกคนสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดายและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถจัดการกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพได้”
ที่มา
Comments