การวิจัยที่ครอบคลุมครั้งแรกเกี่ยวกับสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรัฐที่กำลังพัฒนาบนเกาะเล็ก ๆ (Small Island Developing States หรือ SIDS) เผยถึงผลกระทบของวิกฤตและได้เรียกร้องให้ประเทศร่ํารวยดำเนินการ เพื่อลดภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ประชากรที่อาศัยอยู่ตามประเทศที่อยู่เกาะเล็ก ๆ กว่า 65 ล้านคน กำลังเผชิญกับผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งคลื่นความร้อน ภัยแล้ง โรคที่แมลงเป็นพาหะ และสภาพอากาศที่เลวร้ายลงมากขึ้นทุกวัน ทำให้การใช้ชีวิตของรัฐที่อยู่บนเกาะเล็ก ๆ อยู่บนความเสี่ยง
ประชากรกว่า 1 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำของรัฐที่กำลังพัฒนาในหมู่เกาะเล็ก ๆ นั้น ในภูมิภาคแปซิฟิก แคริบเบียน มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และทะเลจีนใต้ มีแนวโน้มที่จะต้องอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากโลกร้อน ทำให้ธารน้ำแข็งละลายส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงมากขึ้น
นอกเหนือจากการที่ประชากรต้องอพยพออกจากนอกพื้นที่แล้ว ศูนย์วิจัยที่ติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อสุขภาพในกลุ่มรัฐเกาะขนาดเล็กที่กำลังพัฒนา (SIDS) ยังได้ออกมาเตือนถึงภาวะการขาดแคลนอาหารที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาสุขภาพเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
ทางศูนย์ฯ ดังกล่าวได้ระบุในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Global Health ไว้ว่า “ต้องอาศัยการดำเนินการระดับนานาชาติจากประเทศที่มีรายได้สูงเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” จึงจะแก้ไขปัญหาได้
โดยความท้าทายในการแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คือ “ความร้อน” เนื่องจาก ความร้อนนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพทางสรีรวิทยา และยังส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากของกลุ่มรัฐที่กำลังพัฒนาบนเกาะเล็ก
นอกจากนี้ความร้อนยังส่งผลต่อการทำงาน ผู้คนจะออกไปทำงานได้อย่างปลอดภัยน้อยลง จำนวนชั่วโมงในการทำงานนอกบ้านก็น้อยลงเช่นกัน
หมู่เกาะเหล่านี้กำลังเผชิญกับ “การทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว แย่ลงไปอีก” โลกที่กำลังร้อนเพิ่มขึ้นในตอนนี้นั้น จะส่งผลกระทบต่อมนุษย์มากมายมหาศาล ทั้งเกิดภัยธรรมาชาติที่รุนแรง ผู้คนต้องสูญเสียบ้านเรือน ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต และหมู่เกาะทั้งหลายอาจจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด
ที่มา
Comments