สถานการณ์ของปะการัง (Coral) ทั่วโลกกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต เหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทุุกวัน ปะการังถือเป็นระบบนิเวศที่สำคัญที่มีประโยชน์นานัปการ เป็นทั้งแหล่งหลบภัยให้แก่สัตว์น้ำ และแหล่งประมงของมนุษย์ หากวันหนึ่งปะการังหายไปแล้วโลกจะกิดอะไรขึ้น
ปะการัง (Coral) คืออะไร?
ปะการัง (Coral) คือ สิ่งมีชีวิตในทะเลที่อยู่ในกลุ่มของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวจะนิ่ม มีหนวดส่วนปลายเป็นเข็มยื่นออกมาเพื่อจับเหยื่อที่เป็นตัวอ่อนของสัตว์ต่าง ๆ ที่ล่องลอยอยู่ในน้ำเป็นอาหาร ปะการังมีการสร้างชั้นหินปูนเคลือบตัวทำให้โครงสร้างภายนอกนั้นแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีสีสันสวยงาม ทำให้บริเวณที่มีแนวปะการังอยู่เยอะนั้นกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากมาย
โดยส่วนใหญ่แล้วปะการังมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มปะการังหรือแนวปะการัง ปะการังแต่ละตัวที่รวมกันนั้นจะสร้างโครงสร้างในรูปของหินปูนเป็นรูปร่างที่แตกต่างกัน และแต่ละชนิดของปะการังนั้นใช้เวลาในการเติบโตช้ามากขึ้นอยู่กับปัจจัยและสภาพแวดล้อม ได้แก่ อุณหภูมิของน้ำ และแสงสว่าง โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีน้ำสะอาด สภาพท้องทะเลค่อนข้างแข็งหรือมีการเปลี่ยนแปลงน้อยความเค็มของน้ำค่อนข้างสูง มีแสงสว่างมากพอควร อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 20-29 องศาเซลเซียส ซึ่งปะการังนั้นสามารถเติบโตได้ถึง 500 ปีกันเลยทีเดียว
ประโยชน์ของปะการัง
ปะการังมีประโยชน์และความสำคัญมากมาย ถือว่าเป็นระบบนิเวศที่สำคัญของท้องทะเลหรือมหาสมุทรเลยก็ว่าได้ โดยประโยชน์ของปะการังมีดังนี้
1.เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหรือแหล่งอาหาร
ปะการังหรือแนวปะการังเปรียบเสมือนป่าดิบชื้น เนื่องจากมีระบบนิเวศที่ซับซ้อน มีหความหลากหลายของชนิดพันธุ์สูงมาก สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มักใช้แนวปะการังเป้นแหล่งสืบพันธุ์ แหล่งวางไข่ แหล่งอนุบาลตัวอ่อน แหล่งหลบภัย และแหล่งหากิน ปลาเศรษฐกิจหลายชนิดก็ถูกพบในแนวปะการังเป็นจำนวนมาก ชาวประมงในบางท้องถิ่นที่มีแนวปะการังก็มักจะหาสัตว์น้ำหรือสัตว์ทะเลบริเวณแนวปะการังโดยตรง
2.เป็นแหล่งท่องเที่ยว
เนื่องจากแนวปะการังมีสีสันที่หลากหลายและสวยงาม ทำให้ได้รับความสนใจขากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแล้วแล้ว แนวปะการังยังเป็นสถานที่ทำกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมแนวปะการัง
3.เป็นแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
แนวปะการังช่วยปกป้องชุมชนชายฝั่งจากคลื่นพายุและการกัดเซาะจากคลื่นซึ่งทั้งสองมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล
4.เป็นวัสดุในการก่อสร้าง
ในบางประเทศยังมีการใช้หินปะการังมาทำปูนขาวเพื่อนำมาผสมกับซีเมนต์ในการก่อสร้าง ซึ่งการนำปะการังมาทำเป็นวัสดุในการก่อสร้างนั้น จะทำให้ปะการังเสียหายจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลเสียอย่างรุนแรง ในประเทศไทยจึงไม่มีการอนุญาตในนำปะการังมามาเป็นวัสดุก่อสร้าง
5.เป็นยารักษาโรค
ปัจจุบันนักวิทยาศาตร์ได้มีการค้นคว้าหาตัวยาที่สำคัญในการรักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารต้านมะเร็ง ตัวยาเหล่านั้น มีแนวโน้มว่าพบได้ในปะการังรวมทั้งในสิ่งมีชีวิตในแนวปะการังหลายชนิด เช่น ฟองน้ำ ปะการังอ่อน กัลปังหา เพรียงหัวหอม ปลิงทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่า หินปะการังบางชนิดเช่นปะการังดอกไม้ทะเล (Goniopora spp.) มีรูพรุนคล้ายกระดูกคน จึงใช้หินปะการังชนิดนี้ในการทำกระดูกเทียมรักษาผู้ป่วยที่กระดูกหัก
ถ้าปะการังหายไปจะเกิดอะไรขึ้น!
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ปะการังเริ่มทยอยฟอกขาวมากขึ้น หากวันหนึ่งปะการังหายไปจนหมดท้องทะเลนั้นแน่นอนว่าโลกจะได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีปะการังอยู่สัตว์น้ำและพืชอีกหลายชนิดอาจสูญพันธุ์ได้ เนื่องจากไม่มีที่เพาะพันธุ์และแหล่งหลบภัย ชุมชนที่ติดแนวชายฝั่งอาจได้รับความเสียหายจากคลื่นทะเลเนื่องจากไม่มีแนวปะการังที่ชะลอแรงคลื่น และแน่นอนว่ามนุษย์นั้นได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทางด้านการประมง ภัยพิบัติ และการสูญเสียแหล่งอาหารเป็นต้น
ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันเริ่มส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกมากขึ้นทุกวัน สัตว์และพืชบางชนิดก็เริ่มสูญพันธุ์มากขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้เราแทบจะแก้ไขอุณหภูมิโลกที่มีแนวโน้มมากขึ้นทุกวันไม่ได้แล้ว แต่เรายังสามารถช่วยกันป้องกันไม่ให้มันรุนแรงไปมากกว่าเดิมได้
ที่มา
ความคิดเห็น