ภูเขาไฟฟูจิไม่มีหิมะนานที่สุดในประวัติการณ์ คาดเกิดจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
ใกล้เข้าหน้าหนาวของญี่ปุ่นแล้ว แต่ “ภูเขาไฟฟูจิ” หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ยังคงไม่มีหิมะปกคลุม ถือเป็นเวลานานที่สุดในรอบ 130 ปี
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานี้ “ภูเขาไฟฟูจิ” ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่น ยังคงไม่มีหิมะปกคลุม ทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นที่อยู่ห่างจากภูเขาประมาณ 40 กิโลเมตรรายงานว่า “เป็นวันที่ภูเขาไฟฟูจิไม่มีหิมะเหลืออยู่เลยนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกเมื่อ 130 ปีก่อน”
โดยปกติหิมะที่ปกคลุมภูเขาไฟฟูจินั้นจะเริ่มก่อตัวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมโดยเฉลี่ย แต่เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.2566) หิมะเริ่มก่อตัวครั้งแรกในวันที่ 5 ตุลาคม
ในปีนี้ญี่ปุ่นมีฤดูร้อนที่ร้อนนานที่สุดในประวัติการณ์ อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนมิถุนายน - สิงหาคม สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1.76 องศาเซลเซียส และในเดือนกันยายนอุณหภูมิก็ยังคงอุ่นกว่าที่คาดเอาไว้ เหตุจากกระแสลมกรดกึ่งเขตร้อนที่อยู่ทางเหนือ ทำให้กระแสลมใต้ที่มีอุณหภูมิอุ่นกว่าพัดผ่านที่ญี่ปุ่นได้
สมาคมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นได้จัดให้พื้นที่ 1,500 แห่งมีวันที่ “ร้อนจัดมาก” โดยอุณหภูมิของเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้สูงหรือเกิน 35 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากจะให้มีหิมะเริ่มก่อตัวอุณหภูมิจะต้องอยู่ที่จุดเยือกแข็ง ถึงแม้ว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอุณหภูมิจะลดต่ำมาบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่าอากาศยังคงอบอุ่นกว่าปกติ
การที่ใกล้เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแต่ยังไม่มีหิมะเลยนั้น ถือเป็นการรอคอยที่ยาวนานที่สุดในรอบปีที่รอให้หิมะปกคลุมยอดภูเขาไฟฟูจิ นับตั้งแต่การจดบันทึกครั้งแรกในปี พ.ศ.2437 หรือ 130 ปีที่ผ่านมา
นักพยากรณ์อากาศจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นโคฟุ “ยูทากะ คัตสึตะ” กล่าวว่า “เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นในปีนี้ทำให้ยังไม่พบหิมะตกบนภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สถิติเดิมที่หิมะเริ่มตกช้าที่สุดคือ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2498 และ 2559” และเขายังได้กล่าวอีกว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลกระทบให้การก่อตัวของหิมะนั้นล่าช้า”
ฤดูร้อนของญี่ปุ่นในปีนี้ถือเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในประวัติการณ์ เท่ากับในปี พ.ศ.2566 เนื่องจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แผ่กระจายไปยังหลายพื้นที่ทั่วโลก
ถึงแม้จะไม่สามารถสรุปชัดเจนได้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่การที่ภูเขาไฟฟูจิไม่มีหิมะมาปกคลุมเลยนั้นก็สอดคล้องกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศว่าโลกจะร้อนขึ้น ซึ่งความร้อนที่ผิดปกติในเดือนตุลาคมของประเทศญี่ปุ่น มีแนวโน้มสูงขึ้น 3 เท่าจากวิกฤตสภาพอากาศ
ภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งปะทุครั้งสุดท้ายเมื่อ 300 ปีที่แล้ว โดยเมื่อปีที่แล้วมีผู้คนมากกว่า 220,000 คน ขึ้นไปสู่ยอดเขาในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้มีนักปีนเขาปีนภูเขาไฟฟูจิน้อยลง เนื่องจากทางการญี่ปุ่นกำหนดค่าธรรมเนียมเข้าชมและกำหนดจำนวนคนต่อวัน เพื่อแก้ปัญหาการท่องเที่ยวมากเกินไป
ที่มา
Commentaires