นเว
นสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปน้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลายมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ในอนาคตหลายเมืองสำคัญอาจจมอยู่ใต้ทะเล
เมื่ออุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้น้ำในมหาสมุทรมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้น้ำทะเลหรือน้ำในมหาสมุทรมีการเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว นอกจากอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว การเพิ่มขึ้นของประชากรก็มีผลเช่นกัน เมื่อประชากรในแต่ละเมืองเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้แผ่นดินทรุดตัวเร็วขึ้น ปัจจุบันหลายเมืองทั่วโลกอยู่ต่ำกว่ำระดับน้ำทะเลแล้วไปแล้ว
ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 60 ระดับน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.88 มิลลิเมตรต่อปี จากรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปล่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2562 ได้ระบุไว้ว่าในปี พ.ศ.2549 - 2558 ระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น 3.3 มิลลเมตรต่อปี ทาง คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) คาดว่าในปี พ.ศ.2562 - 2643 ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงถึง 84 เซนติเมตร
ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นแล้วมีผลต่อโลกอย่างไร?
การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ดังนี้
1.บริเวณชายฝั่งจะถูกกัดเซาะอย่างรวดเร็ว:เมื่อระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้นพื้นที่พื้นที่ชายฝั่งก็จะถูกทำลายและหายไป ชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งจะเกิดความเสียหายและถูกทำลาย ชาวบ้านต้องอพยพหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยจากถิ่นฐานเดิม
2.น้ำท่วม:การเพิ่มขึ้นของน้ำทะเลนั้น หากพื้นที่ใดอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลจะทำให้เกิดน้ำท่วม หากปริมาณน้ำทะเลยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอนาคตบางเมืองอาจจมลงสู่ใต้ทะลและกลายเป็นเมืองบาดาล หรือกลายเป็นเมืองร้างเพราะผู้คนต้องย้ายถิ่นอาศัย เพราะไม่มีพื้นที่อาศัยและที่ทำกิน
3.พายุรุนแรงมากขึ้น:เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจะส่งผลให้พายุเฮอริเคนและหายุไต้ฝุ่นรุนแรงมากกว่าเดิม เนื่องจากระดับของน้ำทะเลมีผลต่อการเคลื่อนตัว และปริมาณน้ำในพายุ หากพายุรุนแรงมากขึ้นพลังการทำลายล้างของมันจะทำลายทุกอย่างบนพื้นดินได้มากขึ้น
4.ผืนดินบนโลกเหลือน้อยลง: แน่นอนว่าเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ในอนาคตอาจมีบางเมืองที่จะต้องจมอยู่ในเมืองบาดาล บริเวณชายฝั่งที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะก็จะสูญหายไปเช่นกัน
เราควรรับมือกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างไร?
หลายประเทศทั่วโลกจะต้องเตรียมรับมือกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างจริงจังและทันทีโดยเฉพาะเมืองหรือพื้นที่ชายฝั่งที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้นหลายประเทศทั่วโลกจะต้องเตรียมแผนและมาตรการรับมือกับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น การสร้างกำแพงกั้นน้ำ การปลูกป่าชายเลนเพื่อลดแรงปะทะของคลื่น และการติดตั้งระบบเตือนภัยการเกิดน้ำท่วมที่ชายฝั่ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนบนโลกจะต้องช่วยกันนั่นก็คือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโลกร้อนและเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
10 เมืองใหญ่ที่กำลังจะจมหายไป
ข้อมูลจาก john englander ระบุไว้ว่า 10 เมืองที่กำลังจะจมในโลก ที่มีปัจจัยหลักคือระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมากจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก และปัจจัยร่วมอีกหลายอย่าง เช่น การขยายตัวของปริมาณน้ำเมื่ออุณหภูมิน้ำเพิ่มสูงขึ้น และการระเหยของน้ำทะเลซึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อนทำให้มีปริมาณฝนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น 10 เมืองที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในโลกมีดังนี้
1.จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
2.มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
3.โฮจิมินห์ซิตี้ (ไซ่ง่อน) เวียดนาม
4.นิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา
5.กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
6.โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
7.ธากา ประเทศบังกลาเทศ
8.เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
9.เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
10.อเล็กซานเดรีย อียิปต์
ทั้ง 10 เมืองที่กล่าวมานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะการประเมินขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการประเมิน และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การทรุดตัวของแผ่นดิน และมาตรการการรับมือของเมืองนั้น ๆ เป็นต้น
ที่มา
เผยแพร่เมื่อวันที่
คืออะไพลังนหมุนเวีหรือ Renewable Energy คือ พลังงานที่ใช้ไม่กหรือพลังงานที่ใชจำพวกน้ำมัน ถ่านหธรรมชาติ หินน้ำมันจนพลังงานสะอาด ไม่ก่อมลพิษ หรือส่งกระสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่ทำให้เกิดการเปมจำกัด รับกำจัด-------------------------------ต้องการข้อมบริการสิ่งแวดล้บถไที่g : 083-8442
Comments